วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

มีคนแอบอ้างเป็นสรรพากร....

วันนี้ตื่นเช้ามา 8 โมง ดูนาฬิกาแล้วกะว่าจะหลับต่อซะหน่อย....แต่ก็มีโทรศัพท์ขึ้นว่า Unknow Number ขึ้นมา

ไอ้เราก็รับสาย แล้วเค้าบอกว่า...นี่เป็นโทรศัพท์จากสำนักงานสรรพากร โดยคุณมียอดภาษีที่ต้องรับคืนอยู่ แต่ยังไม่ได้เซ็นต์รับที ซึ่งเอกสารได้ส่งกลับไปทาง กรมสรรพากรแล้ว ...(ไอ้เราเริ่มงง เราไม่ได้ยื่นภาษีนี่หว่า) ซึ่งหากต้องการให้เราตรวจสอบว่ายอดที่คุณจะได้รับคืนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เราต้องขอข้อมูลของท่านทำการตรวจสอบก่อน

ไอ้เราก็คิดว่ามันทแม่ง ๆ อยู่ ก็เลยลองให้ไปดู

ขอชื่อ นามสกุล และ เลขบัตรประชาชนด้วยค่ะ

กรูไม่ให้โว้ย! ..........(คิดในใจ) อ่อ ผมชื่อวีรวัฒน์ เลี่ยนอุดม บัตรประชาชนเลขที่ x-xxxx-xxxxx-xx-x ครับ

...........

 .........

...... 

คุณมียอดภาษีที่จะได้รับคืนอยู่ที่ 16500 บาทถ้วน ซึ่งต้องทำการคืนให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้เท่านั้นค่ะ.......

(ตาลุกวาวทีเดียว เพราะหลังจากกลับมาจาก สิงคโปร์ ตังก์ก็หมดเลย หมดตูด) แล้วผมต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปครับ

พนักงาน : หากคุณต้องการติดต่อรับเงินภาษีคืนเด๋วดิฉันจะโอนสายไปที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายคืนภาษีนะค่ะ.....(ตู่ด ตุ๊ด)

พนักงานชาย : สวัสดีคับ ผมองอาจรับสาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายคืนภาษี ครับ ขอทราบชื่อและ เลขบัญชีธนาคารด้วยครับ

@tudut : อ่อ...คับ (คิดสิหาบัญชีอะไรให้มันดีว่ะ เอาแบบ Save save หน่อยเผื่อพลาด)

.....

......

....

แว้บ หยิบบัญชีกสิกรได้ (ภายในมีเงิน 58 บาท เอาว่ะ หากมันโกงก็คงได้แค่นี้แหล่ะ)

@tudut : คับ บัญชีเลขที่ 123456789 ครับ(สมมติ นะ)

องอาจ : ไม่ทราบว่าบัญชีนี้มี บัตรกดเงินสด หรือว่าบัตร ATM หรือไม่ครับ

@tudut : ไม่ครับ

องอาจ : อ่อไม่ได้นะครับ เนื่องจากมันต้องเป็น................(อะไรของมันก็ไม่รู้ ไม่ได้ใส่ใจ ง่วง+หงุดหงิดแล้ว) แต่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันนี้นะครับ ไม่งั้นจะไม่ได้รับภาษีคืนนะครับ

@tudut :  (ตอบแบบไม่ต้องคิดเลย) งั้นกรูไม่เอาแล้ว หมื่นกว่าบาท ขอบคุณ แกร๊ก...(วางหู)

จะบอกว่า หากเพื่อน ๆ ได้รับโทรศัพท์ประเภทนี้ อย่าไปเสียเวลาคุยเลยครับ ปวดจิต ด่าไปเลยก็ได้ เพราะว่าเท่าที่รู้ กรมสรรพากรเค้าไม่มีนโยบายให้โทรศัพท์มาคืนภาษีผ่านวิธีการโอนหรอกครับ 

แล้วก็ฝากบอกคนที่โทรมาด้วยนะครับ ว่า "จ๊าดง้าว"

ขอบคุณครับ

@tudut 

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Remove Malware [Badware] From My Website

วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งถือว่าเป็นวันสบาย ๆ ของ Office iDEAPiXEL ครับ ซึ่งหลังจากที่ได้รับ email จาก google มาว่าเว็บไซต์ iDEAPiXEL กับ Phuket BKK Language School ได้รับ Malware ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากมาย และแล้วพี่เปี๊ยกก็โหลดไฟล์เว็บของเราลงมาแก้ Code ดู โหไม่รู้ว่ามีไรมาแทรกอยู่ได้อย่างไร เป็น iframe เฉยเลย จากนั้นท่านเปี๊ยกก็ ลบออกไปเลย แล้ว upload ขึ้นไปใหม่
จากนั้นก็เป็นหน้าที่ ของ TuDuT ซึ่งต้องเป็นคนแจ้งกับ Google ว่าเราได้เปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้วให้ ลบ footer ว่า "เว็บนี้อาจเป็นอันตรายต่อท่าน" ออกไปเสียที แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ เซ็งเลย

....

@TuDuT นุ่มเอ้ย เมื่อไหร่จะกลับมาอ่าคับ แบบว่าโคดคิดถึงเลยอ่า ทำยังไงดีอ่าคับ คิดถึงคนรักแต่เค้าไม่ติดต่อกลับมาเลย อยากให้รู้ว่าผู้ชายตัวใหญ่ ๆ อย่างผมก็มีหัวใจนะครับ
ปล. ขอบคุณ อาจารย์ศุภเดชแห่ง Beartai.com และคุณบอล PSU BI มากครับ

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ของดีที่บ้านโพ้มมมมมม....ภูเก็ต

พอดีวันนี้ได้ไปที่ อ.กะทู้จังหวัดภูเก็ตมา ก็ได้ทราบข่าวว่า เขามีการจัดทำ พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ขึ้น

แต่พอจะเดินทางไป ก็ไปไม่ถูกครับ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนะ

แต่มานั่งเล่นเน็ตอยู่ตั้งนาน แล้วก็ได้มาเจอะข่าว จาก Manager online ซึ่งเค้าทำ scoop เกี่ยวกับ สถานที่นี้เช่นกัน เรามาดูข่าวนี้กันดีกว่าครับ

ปล.ต้องขอขอบคุณ Manager online ไว้ ณ โอกาศนี้ด้วยนะครับ

มหา’ลัยชีวิต พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่(ภูเก็ต)

ยุคเหมืองแร่หนึ่งในยุคทองของภูเก็ต(ในภาพคือหุ่นจำลองการทำเหมืองหาบ)
“ภูเก็ต” วันนี้มีฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังติดอันดับโลก เป็น“ไข่มุกแห่งอันดามัน”ที่นักท่องเที่ยวถวิลหา แต่ก่อนที่จะมีวันนี้ ภูเก็ตได้ผ่านยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ของการเหมืองแร่มายาวนาน ดังที่ปรากฏในเอกสาร พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ว่า

...ภูเก็ตเป็นเมืองที่เติบโตมาจากการทำเหมืองแร่ดีบุก ซึ่งต้องใช้ดีบุกเคลือบโลหะกันสนิม และผสมทองแดงเป็นสำริดมากว่า 500 ปี จึงทำให้ชาวยุโรป(โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศสและอังกฤษ) และชาวจีนฮกเกี้ยน(ทั้งที่ผ่านมาจากสิงคโปร์และปีนังหรือมาจากจีนโดยตรง )หลั่งไหลเข้ามาทำเหมืองและตั้งหลักแหล่งในภูเก็ต มีวัฒนธรรมผสมผสานไทย ยุโรปและจีน ทำให้มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น อาทิ สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส อาหารพื้นเมือง ภาษา การบูชาเทพเจ้า การแต่งกาย การแต่งงาน รวมไปถึงน้ำทะเลใสสีคราม หาดทรายสะอาดและแดดเมืองร้อน จนกลายเป็นมนต์เสน่ห์ ไข่มุกแห่งอันดามันเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงก้องโลก...

อาคารพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่(ชิโน-โปตุกีส)
นับได้ว่ายุคเหมืองแร่เป็นอีกหนึ่งยุคทองของภูเก็ตที่ก่อให้เกิดการ พัฒนาเมืองในหลากหลายมิติ ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม

มาวันนี้แม้ภูเก็ตจะเปลี่ยนผ่านจากยุคเหมืองแร่เข้าสู่เมืองท่อง เที่ยว แต่ประวัติศาสตร์แห่งความเป็นเมืองเหมืองยังไม่ตายและยังอยู่ในความทรงจำของ ใครหลายๆคน เป็นประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าให้อนุชนคนรุ่นหลังได้เรียนรู้ศึกษาในราก เหง้าของตัวเอง

ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้เห็นความสำคัญ โดยนายประเสริฐ ขาวกิจไพศาล อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกะทู้ในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง ได้เสนอให้มีการจัดตั้ง“พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่”ขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จนหลังเหตุการณ์สึนามิ ทางจังหวัดภูเก็ตได้มอบหมายให้เทศบาลตำบลกะทู้ ดำเนินการจัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ ในปี พ.ศ. 2549 บนพื้นที่เหมืองแร่ดีบุกเดิม (เลิกทำเหมืองเมื่อ พ.ศ. 2500) บริเวณเหมืองท่อสูง ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต

ผศ.สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์
อาคารพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่สร้างตามแบบของนางปัญจภัทร(ตูน) ชูราช โดยมี ผศ.สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ เป็นผู้ออกแบบวางแนวคิดการจัดแสดงให้พิพิธภัณฑ์ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่สามารถเรียนรู้ สัมผัส จับต้อง และร่วมลงมือปฏิบัติการด้วยตัวเองได้ในบางจุด ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จไปประมาณ 80 %

อาคารหลังนี้สร้างในสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ซึ่ง ผศ.สมหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมของภูเก็ตและเป็นผู้นำชมพิพิธภัณฑ์ในครั้งนี้ กล่าวว่า คนภูเก็ตเรียกอาคารลักษณะนี้ว่า “อังมอเหลา” ที่หมายถึง บ้านเรือนแบบฝรั่งของบรรดาเศรษฐีหรือนายเหมืองในอดีต

รถสองแถวไม้ในห้องโปท้องหง่อก่ากี่
สำหรับการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จัดแสดงในแนวคิด“เปิดลับแลม่านฟ้า เกาะพญามังกรทอง” โดย แบ่งส่วนจัดแสดงหลักออกเป็นภายนอกและภายใน

ภายนอก มีพันธุ์ไม้พื้นเมืองหลายชนิดให้ชม อาทิ ราชินีเหลือง หม้อข้าวหม้อแกงลิง เฟินสามร้อยยอด ผักหวาน และยังหลงเหลือร่องรอยของการทำเหมืองเก่าไว้ให้ชมบ้าง ซึ่งในอนาคตจะทำเป็นเหมืองแร่จำลอง มีเรือ ขุด รางแร่ ฯลฯ มาจัดแสดงให้ชม

ภายใน แบ่งเป็นส่วนต่างๆ มีส่วนจัดแสดงที่สำคัญๆคือ

โปท้องหง่อก่ากี่ แสดงภาพ(วาด)ลักษณะเด่นของอาคารชิโน-โปรตุกีส เช่น หัวเสากรีก-โรมัน ลวดลายประตู หน้าต่าง มีรถสองแถวสร้างด้วยไม้หรือ “โปท้อง” ตั้งไว้โดดเด่นกลางห้อง โดย ผศ.สมหมาย ให้ข้อมูลว่า ภูเก็ตเป็นหัวเมืองที่มีรถยนต์เป็นอันดับแรกของเมืองไทย และเป็นเมืองที่มีรถยนต์เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากกรุงเทพฯ

สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนมาจากแร่
ชินวิถี มีประตูทางเข้า หน้าต่างและช่องลม เป็นเสมือนปาก ตาและคิ้วพญามังกร เมื่อเดินเข้าไป
เป็นส่วนรับแขกของคนจีนผู้มีอันจะกิน ตกแต่งอย่างหรูหรา มีโต๊ะมุกเป็นที่นั่งรับน้ำชาจากเจ้าของบ้าน มีฉากลวดลายต้นและดอกโบตั๋นอันสวยงามประดับ

อัญมณีนายหัวเหมือง จัดแสดงวัตถุโบราณของสะสมสิ่งละอันพันละน้อย อาทิ แสตมป์ดวงแรกของไทย เงินโบราณ จากเงิน(หอย)เบี้ย เงินพดด้วง เงินปึก มาถึงเหรียญ ธนบัตร ซากฟอสซิล หินโบราณ งาช้างตราประทับ"มณฑลภูเก็จ" ซึ่ง ผศ.สมหมาย บอกว่านี่คือ 1 ใน หลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าในอดีตชื่อของภูเก็ตน่าจะใช้“ภูเก็จ”ที่หมายถึง ภูเขาแก้ว นอกจากนี้ยังมีวัตถุ สิ่งของ ข้าวของสะสมของนายหัวเหมืองอีกมากมาย ที่ล้วนต่างมามีต้นกำเนิดมาจากห้องถัดไป

นักท่องเที่ยว(เสื้อลาย)ร่วมทำการร่อนแร่(จริงๆ)ในพิพิธภัณฑ์
เรืองดารากร ส่วนนี้จัดแสดงกำเนิดระบบสุริยะจักรวาล กำเนิดโลก โยงมาถึงการกำเนิดของมนุษย์ การเกิดหิน เกิดแร่ วิวัฒนาการของมนุษย์ในยุคโบราณพร้อมหุ่นจำลองมนุษย์ยุคโบราณ ที่เริ่มรู้จักนำหิน นำแร่ อย่างเหล็ก สำริด มาใช้ในชีวิต ก่อนจะรู้จักการขุดค้นแร่และการทำเหมืองแร่ที่ปรากฏในห้องต่อไป

สายแร่แห่งชีวิต คือห้องสำคัญ จัดแสดงการทำเหมืองแร่ในรูปแบบต่างๆ ประกอบด้วย เหมืองแล่น เหมืองรู(เหมืองปล่อง) เหมืองหาบ เหมืองฉีด เหมืองสูบ เหมืองเรือขุดแล้ว โดยพื้นที่ให้อาสาสมัครลงไปทดลองร่อนแร่ของจริงชนิดเปียกจริงได้ผงแร่ออกมา จริงๆให้จับต้องกัน จัดแสดงกระบวนการในการผลิตแร่ตั้งแต่ยุคแรกที่ใช้แรงงานคน มาจนถึงยุคการใช้เครื่องจักร โดยมี "ลูกเชอ" เป็นภาชนะตักแร่ที่สำคัญ

นักท่องเที่ยวยืนชมหุ่นจำลองวิถีการทำเหมือง
และด้วยการเข้ามาของการทำเหมือง อันเป็นยุครุ่งเรืองเฟื่องฟูของการทำเหมืองในภูเก็ตนี่เอง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชาวภูเก็ตครั้งสำคัญ โดยเมื่อราว 150 ปีที่แล้ว แรงงานเหมืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮกเกี้ยนได้อพยพมาเป็นกุลีในเหมืองหาบ แล้วแต่งงานกับคนไทย คนท้องถิ่น ให้กำเนิดลูกหลานมีการผสมผสานทางวัฒนธรรม เกิดเป็นวิถีวัฒนธรรมอันมีลักษณะเฉพาะตัวที่น่าสนใจขึ้นมากหลายในภูเก็ต ดังปรากฏในส่วนแสดงถัดๆไป

เรือกอจ๊าน
สำหรับส่วนจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมภูเก็ตมีเรื่องราวน่า สนใจชวนชม อาทิ เรือกอจ๊านที่ใช้ในสมัยก่อน เรื่องราวการหลงผิดไปเสพฝิ่นของแรงงานสมัยก่อน บรรยากาศร้านรวง ศาลเจ้า ย่านพบปะของภูเก็ตในอดีต โรงงิ้ว โรงหนังตะลุง ร้านโกปี๊ วัฒนธรรมการแต่งงานแบบบาบ๋าเป็นต้น

และนั่นก็เป็นส่วนใหญ่ของการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ อีกหนึ่งแหล่งรวมเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญ ดุจดังแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีองค์ความรู้อันหลากหลายให้ค้นหา ซึ่งไม่เฉพาะแค่ชาวภูเก็ตเท่านั่นแต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญของชาวไทยอีก ด้วย

*****************************************

พิพิธภัณฑ์ เหมืองแร่ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ถนนสายกะทู้-นาเกาะ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เดิมเปิดให้เข้าชมฟรี แต่ปัจจุบันจำเป็นต้องเก็บค่าเข้าชมเพื่อมาบำรุงพิพิธภัณฑ์ดังนี้ ผู้ใหญ่ 50 บาท นักศึกษา 20 บาท เด็ก 10 บาทคนพิการชมฟรี พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ เปิดวันเวลาราชการ 8.30-16.30 น. โทร. 081-535-3187, 083-1025-606

ภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนพูดได้คำเดียวครับ สุดยอด....(ใบอ่อนจะดีกว่า)

ขอบคุณครับ

@tudut

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

งานแบนเนอร์ PSU BI Phuket Campus

งานนี้ได้รับมาจากพี่บอล ซึ่งเป็นผู้จัดการศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ ของ มหาวิทยาลัย สงขลานครินท์ วิทยาเขตภูเก็ตครับ โดยพี่บอลส่ง Brief มาทางอีเมลล์ดังนี้


On Aug 1, 2009, at 11:28 AM, nontiwat jingjit wrote:

สวัสดีครับ

บอลส่งข้อมูลที่จะใช้ทำป้ายไวนิลมาให้

โดยรูปแบบอยากจะให้ออกมาในสไตล์ทันสมัย แนวนวัตกรรมใหม่ โทนสีพื้นหลังให้ตัวอักษรดูโดดเด่น พื้นหลังอาจจะเป็นสีฟ้า น้ำเงิน หรือขาว ลองดูสัก 3 สีนะ ไม่แน่ใจว่าวันจันทร์จะทันหรือเปล่า ยังไงขอด่วนล่ะกัน

มีอะไรโทรถมได้เลยครับ

บอล


<ไวนิล STSP.ppt>




ซึ่งทาง ท่านเปี๊ยก ก็ได้ออกแบบมาเป็นลักษณะดังนี้ครับ ซึ่งรูปมือที่เห็นเป็นเพียงแค่ Mock upคร่าว ๆ นะครับ เพราะหากแบบผ่าน มือที่ใช้คงต้องเป็นมือมาร เอ้ย มือกระผมเองครับ ....


@tudut

ปล.สำหรับผู้ที่ผมเชิญให้เข้ามาอ่านวันนี้ นส. ก. นั้น ผมดีจัยนะครับที่ได้คุยด้วยอ่า...อิอิอิ

น้องละมุนก็ไม่ติดต่อมาเช่นเคยครับ

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สดุดี วีรชนคนกล้า

มื่อสักครู่ ผมเพิ่งจะได้ดูข่าว ซึ่งเป็นสรุปข่าวประจำสัปดาห์ "เรื่องเล่าเช้านี้" ที่ทำ Music Video มาเพื่อสรุปเรื่องราวเกี่ยวกับ ทหารกล้า ที่ทำงานอยู่ ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้

... ซึ่งประกอบกับได้ฟังเพลง ราตรีสวัสดิ์ ของ Fuckling hero แล้ว แทบกลั้นน้ำตาไ้ว้ไม่อยู่

เนื่องจาก ปลื้มใจครับ ที่เรายังมี บุคคล ที่คอยป้องกันประเทศเราอยู่

พวกเขาเองไม่รู้เลยว่า เวลาที่เค้าอยู่ในตอนนี้ จะเป็นตอนสุดท้ายของชีวิตของเขาหรือไม่

แล้วพวกคนในเมืองหล่ะ ทำอะไรกันอยู่ ทำไมเราถึงไม่ปรองดองกัน ต้องรอให้ประเทศเราไม่เหลืออะไรแล้วใช่หรือไม่... ทำไมเราต้องรอให้ถึงวันนั้น

เราลืมความขัดแย้งก่อนหน้านี้ แล้วหันมาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติดีกว่า ครับ อย่าปล่อยให้เราต้องเดินมาถึงทางตันเลยครับ

เลิกเถอะครับ เสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อชมพู เสื้อม่วง เลิกแบ่งฝ่ายซะที บอกตามตรง "เบื่อ" อยากออกจากบ้านโดยไม่ต้องกังวลว่า ใส่เสื้อสีแดง แล้วจะต้องอยู่ฝ่ายไหน ใส่เสื้อเหลืองแล้ว คนเค้าจะมองยังไง อยากจะบอกว่า

มันแค่เสื้อนะโว้ย!

พอซะที

กลับมาเรื่องเดิม ผมขอ สดุดี เหล่าทหารหาญ ที่คอยปกปักรักษาดินแดน คอยปกป้องประชาชนที่เดือดร้อน และจะขอประนาม การกระทำที่ทำให้เกิดความไม่สงบทุกกรณี

หรือแม้กระทั่ง การกระทำทุกชนิดที่เป็นการบั่นทอนความมั่นคงของชาติ และความมั่นคงของผม (เช่นการลอกงานออกแบบดี ๆ Copy & Paste เป็นต้น)

ประนาม ๆๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ ๆ ๆ